ตอนนั้นเมียผมเพิ่งคลอดลูกคนแรก ผมตามไปโรงพยาบาลตั้งแต่เธอปวดท้อง นอนเฝ้าจนเข็นออกจากห้องคลอดไปถึงห้องพักหลังคลอด กินเวลารวมแล้วสิบกว่าชั่วโมง เล่นเอาผมหมดแรง นอนเหยียดยาวบนเก้าอี้ของโรงพยาบาลหลับไปหลังจากทราบว่าทั้งลูกและเมีย ปลอดภัยแข็งแรงดี
ผมมาตื่นเพราะเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลมาปลุก "คุณๆ ตรงนี้นอนไม่ได้นะคะ" ผมกล่าวขอโทษอย่างงัวเงีย ผมแวะเข้าห้องน้ำ ห้องน้ำชายติดกับห้องน้ำหญิง ตลอดเวลาทำธุระได้ยินเสียงเด็กร้องดังไม่หยุดจากห้องน้ำหญิง เมื่อออกจากห้องน้ำชายจึงเยี่ยมหน้าไปมองและฟังเสียงเด็กว่ายังร้องอยู่หรือ เปล่า เด็กยังคงร้องไม่หยุดมาจากห้องใดห้องหนึ่ง ผมมองหาพยาบาลหรือไม่ก็เจ้าหน้าที่เพื่อจะแจ้งว่าได้ยินเสียงเด็กร้องออกมา จากห้องน้ำหญิง แต่ก็ไม่เจอผู้เกี่ยวข้องสักคน ช่วงเช้าของโรงพยาบาลเป็นช่วงเวลาเร่งด่วนและรีบเร่งของโรงพยาบาล แต่ห้องน้ำบริเวณนี้กลับเงียบสงบดีแท้ เมื่อไม่มีผมก็คิดจะเข้าไปดูเอง แต่กลับไม่มีเสียงเด็กร้องแล้ว แปลกดีแท้ ช่างเหอะ ผมรู้สึกเพลีย ไม่อยากสนใจอะไรนักในตอนนั้นสักพักพ่อตาแม่ยายก็มา ผมกลับไปนอนบ้านได้สี่ชั่วโมงก็มาโรงพยาบาลใหม่ หลังจากเมียให้นมลูก พ่อตาแม่ยาย พ่อผมแม่ผมมาเยี่ยมมาดูหลานกันจนครบและกลับกันไปหมด เมียผมก็พูดขึ้น "แปลกนะพี่ เมื่อคืนหนูได้ยินเสียงเด็กร้องที่ข้างเตียงตลอด ลืมตามาดูก็ไม่มี แต่หนูแน่ใจว่าอยู่ที่ข้างเตียงนี่ตลอด"
"เห่อลูกน่ะสิ หูเลยแว่วไป" ผมบอก
"ไม่นะพี่ บางทีก็เหมือนเด็กกำลังดูดนมหนูด้วยซ้ำ แต่พอลืมตาก็ไม่มี"
"คิดมาก ไม่มีอะไรหรอก"
"หนู เล่าให้พี่ฟัง หนูคงเห่อลูกอย่างพี่ว่า ว่าแต่ลูกเรานิ้วยาวเหมือนพี่เลยนะ ตาก็โต ปากบางเหมือนพี่เลย" เราคุยกันไปเรื่องลูกและเรื่องอื่นแทน
หมด เวลาเยี่ยมผมก็กลับ แล้วก็มาใหม่ตอนเย็น มาถึงเมียผมก็เล่าว่าได้ยินเหมือนมีเด็กมาปลุก แต่พอตื่นมาก็ไม่มีใคร มองไปรอบๆ ก็ปกติ เตียงติดกันก็ยังไม่มีคนมานอนเหมือนเดิม ผมได้แต่บอกเมียว่าไม่มีอะไรหรอกๆ หลังหมดเวลาเยี่ยมผมก็กลับเหมือนคนอื่น
รุ่ง เช้าทันทีที่ผมมาถึง เมียเห็นผมก็ดีใจ แต่หน้าตาเธอดูซีดเซียว เธอบ่นว่าเมื่อคืนแทบไม่ได้นอนเลย มีเด็กมาปลุกตลอด เมื่อครู่เล่าให้พยาบาลฟัง พยาบาลก็บอกว่าไม่มีอะไรๆ "พูดเหมือนพี่เลย แต่หนูว่ามีนะ หนูไม่ได้นอนเลยพี่ เพลียมาก" เมียพูดอย่างอ่อนล้า ผมดูสภาพเมียแล้วสงสารมาก จึงบอกให้เธอนอนไป เดี๋ยวผมอยู่ข้างๆ เอง
เมื่อ เมียหลับ ผมถือโอกาสไปเข้าห้องน้ำ ที่หน้าห้องน้ำเห็นเด็กทารกแบเบาะก็นึกแปลกใจ จึงหันไปบอกพยาบาลซึ่งเดินมาพอดี พยาบาลถาม "ไหนคะ" นั่นไง ผมชี้ แต่พอดูอีกทีก็ไม่มี พยาบาลไม่พูดอะไร เดินไปทางอื่น ผมว่าผมเห็นจริงๆ นะ
ระหว่าง ยืนทำธุระได้ยินเสียงเด็กทารกร้องจ้าอีก คราวนี้ดังมาก ผมเชื่อว่าทุกคนที่แม้แต่อยู่ในห้องพักรวมต้องได้ยินแน่ แต่เมื่อออกมาเสียงเด็กก็หายไป ถามภรรยาเธอบอกว่าไม่มีเสียงอะไร
เย็นนั้นผ่านไป รุ่งขึ้นทันทีที่มาถึงก็เห็นเมียผมเตรียมข้าวของไว้บนเตียงพร้อมทั้งยืนยันจะกลับบ้านท่าเดียว เธอเล่าว่า
เมื่อคืนดึกๆ มีผู้หญิงมานอนที่เตียงนี่"
เธอไม่กล้าชี้นิ้วแต่บุ้ยใบ้มองไปทางเตียงติดกัน
ตอน แรกก็นึกว่าเพิ่งคลอดมาใหม่ เธอยังชวนหนูคุยตั้งหลายเรื่อง เช้ามืดหนูตื่นมากลับไม่มี หนูถามพยาบาล ทุกคนรวมทั้งเจ้าหน้าที่ทำหน้าเหลอหลา บอกว่าไม่มีใครมานอนที่เตียงนี้ทั้งคืน"
จังหวะนั้นพยาบาลก็เดินเข้ามาถามว่าจะย้ายไปเตียงอื่นมุมอื่นดีไหม แต่เมียผมยืนยันว่าแข็งแรงดีแล้ว ขอ กลับบ้าน
"พี่ หนูไม่ไหวจริง เจอจังๆ ต่อหน้าแบบนี้ พาหนูกลับบ้านเถอะพี่"
ระหว่าง รอเรื่องการเงินกับทางโรงพยาบาล ผมก็เก็บข้าวของไปด้วย ผู้ช่วยพยาบาลคนหนึ่งซึ่งอายุมากแล้วจึงเล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้าที่ภรรยาผมจะมาคลอด ที่เตียงติดกันมีผู้หญิงมานอนหลังคลอดเหมือนกัน แต่พอวันที่สามเธอเกิดเสียชีวิตอย่างกะทันหัน ซึ่งเจ้าหน้าที่คนเล่าก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่ก่อนที่เธอจะเสียชีวิตเธอได้กดหัวลูกเธอจมน้ำจนเสียชีวิตในห้องน้ำ ตอนแรกพยาบาลยังไม่รู้ เห็นเธอนอนร้องไห้จึงเข้าไปปลอบใจจนทราบว่าเธอเพิ่งฆ่าลูกตัวเอง เรื่องยังเคลียร์ไม่จบคุณแม่คนนี้ก็มาเสียชีวิต เรื่องเด็กทารกร้องในห้องน้ำก็มีคนได้ยินหลายคนมาก แต่พอเข้าไปหาก็ไม่เจอ ที่เห็นกับตาอย่างที่ผมเห็นก็หลายคนเหมือนกันตลอดเดือนที่ผ่านมา
หลัง จากผมกับเมียกลับบ้านแล้ว ทราบต่อมาว่าทางโรงพยาบาลจัดทำบุญเลี้ยงพระที่ห้องพักนั้น แต่ทุกวันนี้คนไปโรงพยาบาลนี้ก็ยังได้ยินเสียงเด็กทารกร้องในห้องน้ำและมีคน เห็นผู้หญิงคนหนึ่ง เดินอุ้มเด็กทารกเดินไปมาระหว่างทางเดินไปห้องน้ำนั้นเสมอๆ
ที่มา khaosod.co.th
0 comments:
Post a Comment