by

สารเคมีระเบิด ตาย 50 เจ็บ 700 ท่าเรือในจีน ไฟท่วมระทึก ไม่มี ‘คนไทย




โศกนาฏกรรมจีน คลัง เก็บสารเคมีในเขตอุตสาหกรรมของท่าเรือเมืองเทียนจิน ท่าเรือใหญ่อันดับ 10 ของโลก เกิดระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ลูกไฟลุกโชนไปทั้งท้องฟ้า ขนาดดาวเทียมที่โคจรอยู่ยังจับภาพได้ และแผ่นดินสะเทือนไปไกลหลาย กม. เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิตไม่น้อยกว่า 50 ราย บาดเจ็บกว่า 700 เป็นเจ้าหน้าที่ดับเพลิงกว่า 12 นาย ด้านกระทรวงการต่างประเทศไทยยันไม่พบคนไทยในเหตุระเบิด

หตุร้ายในจีนครั้งนี้ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 13 ส.ค. เกิดเหตุระเบิดอย่างรุนแรง 2 ครั้ง บริเวณโกดังเก็บสารเคมีอันตรายตั้งอยู่ภายในเขตอุตสาหกรรมของท่าเรือเมืองเทียนจิน ท่าเรือใหญ่อันดับ 10 ของโลก และอยู่ในเมืองใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ ประชากรมากราว 15 ล้านคน อยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เหตุระเบิดครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.30 น. คืนวันที่ 12 ส.ค. ตามเวลาท้องถิ่น หรือราว 22.30 น.วันเดียวกันตามเวลาประเทศไทย แรงระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ก่อให้เกิดลูกไฟดวงใหญ่เหนือท้องฟ้า ถึงขนาดมีรายงานว่าเห็นเหตุระเบิดได้จากดาวเทียมที่โคจรอยู่บนห้วงอวกาศและก่อให้เกิดคลื่นกระแทกอย่างรุนแรงจากจุดระเบิดออกไปหลายกิโลเมตร

หลังเกิดระเบิดลูกแรกไม่นาน เกิดระเบิดซ้ำจุดเดิมอีกครั้ง ความรุนแรงมากกว่าครั้งแรก ส่งผลให้อาคารบ้านเรือนในรัศมีระเบิดระยะ 2 กม. กระจกหน้าต่างแตกกระจาย ตู้บรรทุกสินค้าบริเวณนั้น ถูกแรงระเบิดกระแทกปลิวว่อน รถยนต์ใหม่หลายร้อยคันที่อยู่ระหว่างรอลำเลียงออกจากท่าเรือถูกไฟเผาไหม้เสียหายยับเยิน

สำนักข่าวซินหัวของจีนรายงานระบุเจ้าหน้าที่ดับเพลิงระดมกำลังเข้าควบคุมสถานการณ์มากกว่า 1,000 นาย ใช้เครื่องยนต์สูบน้ำมากกว่า 140 เครื่อง ภารกิจดับเพลิงเต็มไปด้วยความยากลำบาก เพราะเปลวไฟรุนแรงทั้งยังเสี่ยงเกิดระเบิดอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากกลุ่มควันพิษปกคลุมทั่วพื้นที่ ส่วนความเสียหายมีรายงานผู้เสียชีวิตกว่า 44 ราย บาดเจ็บมากกว่า 520 คน ในจำนวนนี้มีอาการสาหัสกว่า 60 คน และในจำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 44 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ดับเพลิงมากกว่า 12 นาย ขณะที่ความรุนแรงของระเบิดครั้งแรก เทียบได้กับการระเบิดของระเบิดทีเอ็นทีน้ำหนักราว 3 ตัน ส่วนเหตุระเบิดครั้งที่ 2 รุนแรงกว่า เทียบได้กับระเบิดทีเอ็นทีน้ำหนัก 21 ตัน ถึงกับทำให้อาคารโกดังฉีกขาดอย่างง่ายดาย

อย่างไรก็ตาม ทางการยังไม่ระบุสาเหตุของการระเบิดในครั้งนี้ แต่พบว่าพื้นที่โกดังที่เป็นจุดเกิดเหตุระเบิดเป็นสถานที่เก็บสารเคมีอันตรายหลายชนิดของบริษัทท่าเรือเทียนจิน ต่งเจี้ยน หรุยไฮ่ อินเตอร์แนชนัล โลจิสติกส์ ซึ่งได้รับอนุญาตดำเนินการอย่างถูกต้องจากรัฐบาลจีนให้เก็บสินค้าอันตราย อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่ชี้แจงรายละเอียดใดๆทั้งสิ้น ส่วนโทรทัศน์ซีซีทีวีของจีนอ้างว่า เจ้าหน้าที่จับกุมผู้เกี่ยวข้องกับเหตุรุนแรงครั้งนี้ไปสอบสวนแล้ว 1 ราย

ทั้งนี้ สื่อในจีนรายงานเกี่ยวกับพื้นที่ที่เกิดระเบิดในครั้งนี้ว่าหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลจีนเคยรายงานการตรวจสอบพื้นที่โกดังดังกล่าวเมื่อปี 2557 ระบุโกดังถูกออกแบบสร้างสำหรับเก็บสารเคมีอันตรายหลายชนิด รวมถึงบิวทาโนน ของเหลวไร้สีไร้กลิ่น แต่ติดไฟได้ง่าย ใช้เป็นสารทำละลายระเบิดในงานอุตสาหกรรม สารโซเดียมไซยาไนด์ และแก๊สธรรมชาติบรรจุถัง ล้วนเป็นวัตถุอันตรายร้ายแรงทั้งสิ้น

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนประกาศให้เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือกู้ภัยผู้ได้รับบาดเจ็บก่อนอันดับแรก ทั้งให้เร่งอพยพชาวบ้านไปยังสถานที่ปลอดภัย นอกเหนือจากการให้คำมั่นจะนำตัวผู้ต้องรับผิดชอบเหตุรุนแรงครั้งนี้มาลงโทษให้ถึงที่สุด ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่เมืองเทียนจิน อ้างว่าเมื่อไม่นานนี้ได้มีการประชุมหารือกันระหว่างเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นกับบริษัทโกดังสินค้าบริเวณท่าเรือเมืองเทียนจิน ให้ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในการเก็บวัตถุอันตราย โดยรายละเอียดของมาตรการด้านความปลอดภัยได้แถลงลงในเว็บไซต์ของทางการแล้วด้วย
ทั้งนี้ ในอดีตที่ผ่านมา จีนไม่ค่อยประสบเหตุระเบิดรุนแรงภายในแหล่งอุตสาหกรรมใหญ่ๆ มากนัก เพราะเศรษฐกิจจีนเพิ่งเติบโตอย่างรวดเร็วมาในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา แต่เมื่อปีที่แล้ว ก็เพิ่งเหตุระเบิดที่โรงงานอุตสาหกรรมประกอบชิ้นส่วนรถยนต์แห่งหนึ่งทางภาคตะวันออก คร่าชีวิตผู้คน 75 ราย


ด้านกระทรวงการต่างประเทศของไทย โดยการเปิดเผยของนายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ถึงเหตุระเบิดในเขตอุตสาหกรรมท่าเรือปินไห่ นครเทียนจิน สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อเวลาประมาณ 23.30 น.วันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปักกิ่ง ตรวจสอบเบื้องต้นแล้วไม่พบว่ามีคนไทยในพื้นที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว

ต่อมาในช่วงค่ำ สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานปรับเพิ่มยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุโกดังเก็บสินค้าอันตรายระเบิดบริเวณท่าเรือเมืองเทียนจิน เป็นมากกว่า 50 ศพ ผู้บาดเจ็บมากกว่า 700 ราย พื้นที่ได้รับความเสียหายจากเหตุระเบิดมีเศษชิ้นส่วนกระจกแตกกระจายไกลถึงกว่า 3 กม. ขณะที่กลุ่มควันพิษยังลอยกรุ่นทั่วบริเวณ โดยทางการจีนส่งผู้เชี่ยวชาญด้านนิวเคลียร์และวัตถุเคมีชีวภาพจำนวน 217 นายเข้าตรวจสอบพื้นที่อันตราย แต่ยังสรุปไม่ได้ชัดเจนว่าระเบิดเกิดจากอะไร




ที่มา: http://www.thairath.co.th/content/518164

0 comments:

Post a Comment