
หลังนำศพนางวารุณีมาถึงวัดซับเม็ก ญาติและชาวบ้านก็นำศพนางวารุณี ขึ้นทำการเผาทันที โดยไม่มีพิธีวางดอกไม้จันทน์แต่อย่างใด ก่อนนำร่างนางวารุณี เข้าเตาเผา นายสมยศ หนาสมัย อายุ 49 ปี ยืนมองศพลูกสาวน้ำตาไหลพราก
โดยนายสมยศ บอกว่า ตนเองมีลูกเพียงคนเดียว คือ นางวารุณี หวังว่าจะเอาไว้พึ่งพายามแก่เฒ่า จากนี้คงต้องนำหลานไปฝากให้เพื่อนเลี้ยงดูไปก่อน เนื่องจากตนเป็นคนยากจน หาเช้ากินค่ำ หากนำหลานไปอยู่ด้วย คงลำบากเนื่องจากต้องออกไปทำงาน

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงสาเหตุ ที่นายภานุวัฒน์ ลูกเขย ลงมือฆ่า ทั้งเมียและลูกสาว มาจากสาเหตุอะไร นายสมยศ เล่าว่า ทั้งลูกเขยและลูกสาวเอาลูกชายมาให้เลี้ยง ปัจจุบันอายุ 3 ขวบเศษ ส่วนทั้งคู่ไปทำงานอยู่กรุงเทพฯ โดยลูกสาวทำงานอยู่ที่ปั๊มน้ำมัน ลูกเขยทำงานอยู่ที่บริษัทพลาสติก สาเหตุที่ทะเลาะกัน ลูกสาวกลับมาจากทำงาน พบนายอภิวัฒน์ พาผู้หญิงมาหลับนอนที่ห้อง จึงได้ทะเลาะกัน ลูกสาวจึงหนีกลับมาบ้าน จนกระทั่งลูกเขยตามมา และก่อเหตุฆ่าทั้งเมียตนเองและแม่ยาย
นายสมยศ ยังบอกอีกว่า นายภานุวัฒน์ ลูกเขย เป็นคนเจ้าอารมณ์ หากไม่พอใจ หรือลูกสาวทำให้โกรธ ก็จะทุบตีอยู่เสมอ ไม่คิดฝันว่าเขาจะใจคอโหดเหี้ยมฆ่าเมียตนเองและแม่ยายได้ลงคอ
หลังทำการฌาปณกิจนางวารุณีแล้ว ญาติและชาวบ้าน ได้กลับมายังวัดซับนกแก้ว นำร่างของนางหน่อย หนาสมัย ขึ้นทำการฌาปนกิจ โดยไม่มีพิธีวางดอกไม้จันทน์ แต่อย่างใด บรรยากาศภายในวัดเป็นไปด้วยความโศกเศร้า โดยมีชาวบ้านมาร่วมงานจำนวนมาก ส่วนเด็กชาย 3 ขวบ บุตรชายของนางวารุณี ซึ่งเกิดจากนายภาณุวัฒน์ ต้องกลายเป็นเด็กกำพร้า นอนหลับอยู่บนศาลา โดยไม่รู้ว่าร่างแม่ของตนเองและยายถูกเผาไปแล้ว
ด้าน ร.ต.ท.นิรันทร์ นามศรีกุล พนักงานสอบสวนร้อยเวรเจ้าของคดี บอกว่า ทางพนักงานสอบสวนได้ออกหมาบจับไว้แล้ว แต่ตอนนี้แพทย์ยังไม่อนุญาตให้ทำการสอบสวน เนื่องจากอาการยังหนักอยู่ คงต้องรออีกสักหนึ่งอาทิตย์ ดูก่อนว่าอาการของนายภาณุวัฒน์ จะดีขึ้นมากน้อยเพียงใด
ที่มา khaosod.co.th
0 comments:
Post a Comment