by

‘นายพล’ โต้ยิบปมล่ามโซ่-ทารุณพลทหาร!! แฉพฤติกรรมไม่เหมาะสมข้างห้องนอนภรรยา!!









 จากกรณีบิ๊กทร.เต้นผาง สั่งสอบต้นสังกัดส่งไอ้เณรไปเป็นทหารรับใช้บ้านอดีตนายพล แล้วถูกทรมานจนทนไม่ไหวต้องหนีไปร้องเรียนขอความช่วยเหลือจาก "นายกฯบิ๊กตู่" ถึงทำเนียบรัฐบาล ทั้งที่ตัวยังถูกโซ่ล่ามติดกับยางรถ ย้ำชัดสาวถึงใครหากทำผิดระเบียบสั่งเชือดทางวินัยไม่ละเว้น ส่วนเรื่องคดีความให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ เพราะมีการแจ้งความไว้แล้ว และที่สำคัญนายพลทหารเรือที่ถูกกล่าวหาเป็นนายทหารนอกราชการจึงไม่ได้อยู่ในสังกัดกองทัพเรือ

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 ส.ค. จากกรณีที่มีพลทหารสังกัดกองทัพเรือไปปฎิบัติงานที่บ้านนายพลนอกราชการย่าน พุทธมณฑล ก่อนเข้าร้องขอความช่วยเหลือกับทาง นายกฯ กระทั่ง ผบ.ทร.สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทันที และในวันนี้ทาง “พล.ร.ต.” ที่ถูกพาดพิงถึง ได้ทำหนังสือถึง ผบ.ทร. ผ่าน เสนาธิการทหารเรือ แจงกรณีพลทหาร ได้กล่าวหาว่า ตนทารุณกรรมด้วยการใช้โซ่คล้องตัวพ่วงด้วยยางรถยนต์และทำร้ายร่างกาย หลังได้เข้าร้องเรียนนายกรัฐมนตรีผ่านศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี  







 โดย พล.ร.ต. ชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริง ตนไม่เคยให้พลทหารทำงานช่างไม้ เพราะทราบดีว่าพลทหารทำไม่ได้ ซึ่งตนได้พบกันที่โรงเรียนฝึกสอนกีฬาทางอากาศที่บางเสร่ การเรียกตัวให้มาช่วยงานที่บ้านเป็นการร้องขอของพลทหารเอง ที่จะหารายได้พิเศษเพื่อช่วยเหลือครอบครัว ตนจึงมองเป็นเรื่องที่จะช่วยเหลือกัน อีกทั้งตนได้เรียนหลักสูตรกฎหมายทหารและมีความรู้เกี่ยวกับทหารดีพอสมควร และยืนยันว่าที่บ้านของตนไม่มีโซ่ชนิดที่พลทหารถูกคล้องตัว มีเพียงโซ่ที่ใช้ล่ามสุนัข โดยโซ่ที่พลทหารคนดังกล่าวใช้ สามารถหาซื้อได้ตามร้านทั่วไป ซึ่งหน้าปากซอยบ้านตนมีร้านขายอยู่ 3 ร้าน ตนมองว่าสามารถนำโซ่มาคล้องที่เอวและล็อกก็สามารถทำได้ด้วยตนเอง

 นอกจากนี้เสื้อสีชมพูแขนยาวที่พลทหารใส่ในวันที่ 17 ส.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่ภรรยาของตนสอนร้องเพลงชาติ(ตามคลิป) ยังสะอาดเรียบร้อยดี ทำไมวันรุ่งขึ้น (18 ส.ค.) ขณะไปร้องเรียนศูนย์บริการประชาชน ถึงได้สกปรกและมอมแมม สำหรับการร้องเพลงชาตินั้น ตนได้สอบถามไปยังพ่อแม่ของพลทหารแล้วว่าทำไมถึงร้องเพลงชาติไม่ได้ ด้วยเหตุผลความจำสั้น จึงให้ฝึกร้องเพลงชาติ แต่พลทหารไม่ตั้งใจจึงให้วิ่งรอบบ้าน 10 รอบ และให้ภรรยาของตนสอนร้องเพลงชาติให้ได้ภายใน 2 วัน โดยตนต้องไปทำธุระกับลูกสาวที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยออกเดินทางตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค. เวลา 05.00 น.

 ต่อมาในวันเดียวกัน พลทหารได้ช่วยตัวเองใต้ต้นมะรุมข้างห้องนอนของภรรยาตน ที่อยู่ชั้น 2 ขณะที่ภรรยาตนกำลังแต่งตัว โดยภรรยาของตนได้กล่าวกับพลทหารว่า “รู้นะว่าทำอะไรและคิดอะไรอยู่ ขืนทำตัวแบบนี้กลับไปศูนย์ฝึกฯ ติดคุกแน่” หลังพลทหารได้ปฏิเสธว่ายืนปัสสาวะ ที่ห่างจากจุดเกิดเหตุไม่ถึง 10 เมตร และภรรยาของตนได้ออกไปทำงาน เวลา 10.30 น. โดยให้พลทหารเฝ้าบ้านเพียงลำพัง เมื่อกลับมาบ้านพัก พบว่าไม่อยู่ที่บ้านแล้ว จึงสอบถามพ่อแม่ของพลทหารซึ่งไม่พบเช่นกัน ภรรยาตน จึงได้โทรศัพท์ติดต่อมาหาตนที่หัวหิน ตนจึงบอกไปว่าพลทหารมันกลัวว่าจะติดคุกจึงหลบหนีไปแล้วหรือเปล่า เมื่อตนกลับมาที่บ้านวันที่ 18 ส.ค. เวลา 22.00 น. พบว่าเครื่องขัดเอนกประสงค์และอุปกรณ์บางส่วนในห้องเก็บของได้หายไป และพบว่าพลทหารได้ไปร้องเรียนยังศูนย์บริการประชาชน

 อย่างไรก็ตาม พล.ร.ต. ผู้ถูกกล่าวหาจากพลทหาร ย้ำว่า หากตนล่ามโซ่และทารุณกรรมจริง เครื่องมือตัดเหล็กที่สามารถตัดโซ่และกุญแจขนาดใหญ่ที่บ้านมีหลายชนิด สามารถตัดออกได้ในเวลาไม่นาน จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลากโซ่และยางรถยนต์ไปตามที่ต่างๆ เพื่อประจานกองทัพเรือ ที่สำคัญช่วงเวลาที่พลทหารกล่าวหาว่าถูกกระทำล่ามโซ่และทารุณกรรม ตนไม่ได้อยู่ที่บ้านพัก จ.นครปฐม แต่อยู่ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์











ที่มา khaosod.co.th

0 comments:

Post a Comment